วิธีทำ Favicon ให้กับบล็อค
หลาย คนคงสังเกตเห็นว่าตรงแถบ url ของ browser จะมีไอค่อนเล็ก ๆ กิ๊บเก๋ บางแห่งจะเป็นรูปคล้าย ๆ โลโก้ของเว็บ แต่บางแห่งอาจเป็นรูปหน้า page เปล่า ๆ หรือว่าเป็น� าพไอค่อนมาตรฐานที่มากับ Browser เจ้าไอค่อนเล็ก ๆ นี้เราเรียกมันว่า Favicon หรือแฟ้บไอค่อน (เขียนเป็นไทยแล้วดูแปลก ๆ แฮะ)โดย� าพ Favicon ที่จะมาโชว์ข้างชื่อ url ของเราได้นั้น เราต้องมีไฟล์ที่ชื่อ favicon.ico ใส่ไว้ในเว็บเราด้วย โดยเราต้องเก็บไฟล์นี้ไว้ในที่เดียวกับที่ไฟล์หน้า index (หน้าแรก) ของเว็บเราอยู่นั่นเอง
เมื่อเราต้องการเริ่มต้นทำ favicon สำหรับบล็อกของเราเพิ่มความกิ๊บเก๋ ผมมีวิธีง่าย ๆ มาแนะนำครับ
- สร้างไฟล์กราฟฟิคขนาด 16 x 16 พิกเซลในโปรแกรมกราฟฟิค เช่น photoshop หรือโปรแกรมอื่น ๆ ตามถนัด
- เมื่อได้รูปที่ต้องการแล้ว เซฟไฟล์เป็นชื่อ favicon โดยให้มีนามสกุลเป็น gif , jpg, bmp หรือ png ก็ได้
- หลังจากนั้นให้แวะไปที่เว็บ FavIcon Generator
- ในเว็บ FavIcon Generator ให้ browse รูป� าพที่เราเพิ่งทำ ใส่ในช่อง Image to create icon from
- กดปุ่ม Create Icon
- เซฟไฟล์ที่ระบบสร้างมาให้ เก็บไว้ในชื่อ favicon.ico
- upload รูป favicon.ico ไว้บนเว็บเรา ในโฟลเดอร์เดียวกับหน้าแรกของเว็บ
เท่านี้เองครับ ไม่ยากเลย
เทคนิคการทำ SEO website
การ ทำ SEO หรือ Search Engine Optimizer นั้นเป็นการทำให้โครงสร้างข้อมูลภายในเว็บของเราที่บรรจุอยู่ใน HTML ของเรา และพวก URL ของเรานั้น มีความหมายและทำให้ Crawler (ซึ่งต่อไปจะขอเรียกเป็น Search Engine เพื่อให้เข้าใจตรงกัน) นั้นสามารถเข้ามาเก็บข้อมูลในเนื้อหาของเราได้ง่าย และตรงกับความต้องการให้ได้มากทีสุด
ซึ่งโดยปกติแล้วจะแนะนำให้ใช้ XHTML ร่วมกับ CSS โดยที่ XHTML นั้นเป็นส่วนที่ใช้สำหรับใส่ข้อมูลและมี Tag พวก XHTML ต่าง ๆ เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเนื้อหาให้น้อยที่สุด โดยมีแต่ส่วนที่กำหนดพื้นที่สำหรับแสดงผลต่าง ๆ เป็นชื่อที่สื่อความหมาย โดยใช้พวก <div> และ <span> แล้วกำหนดพื้นที่ของ Layout ด้วยชื่อที่กำหนดใน id หรือ class และโยนหน้าที่การกำหนด Layout ต่าง ๆ ไปที่ CSS ทั้งหมด เพื่อลดขนาดของไฟล์ HTML ที่ตัว Search Engine จะดึงไปเพื่อทำการ Parse ข้อมูลออกมา ทำให้ Search Engine ใช้เวลาประมวลผลต่าง ๆ ลดลงได้มากด้วย แถมลด B/W ลงไปได้เยอะมาก ๆ ในกรณีที่เว็บของเรานั้นมี Priority ในการเข้ามา index ข้อมูลของ Search Engine สูง ๆ
เทคนิดง่าย ๆ แต่ได้ผลนั้นผมสรุปจาก Best and Worst practices for designing a high traffic website อีกทีครับ
- ใส่ Keywords หลัก ๆ ลงบน Title เพราะเป็นพื้นที่ที่ระบบ Search Engine ใช้ในการเข้ามา index ข้อมูลอันดับแรก ๆ
- ใช้ tag Heading (พวก <h*></h*> ต่าง ๆ) ให้เป็นประโยชน์เพื่อให้ Search Engine นั้นเข้าถึงข้อมูลสำคัญ ๆ ในส่วนนี้ก่อนเสมอ เพราะ Search Engine จะมองว่า Heading เป็นเหมือนหัวหลักของเนื้อหาเพื่อนำไปใช้สรุปเนื้อหาตอนค้นหาต่อไป
- ใช้ alt, title, id, class และพวก caption ต่าง ๆ ที่ใช้อธิบายข้อมูลนั้น ๆ เพราะ Search Engine ไม่เข้าในว่ารูปภาพ หรือข้อมูลพวก Binary ต่าง ๆ ว่ามันคืออะไร
เช่น <img src=”dog.jpg” alt=”Dog jumping into the air” /> - ใช้ META Tag ถึงแม้ว่า META Tag จะเป็นเทคนิคเก่า ๆ นับตั้งแต่มี WWW แต่ก็เป็นการดีที่เราควรจะมีไว้ เพราะ Search Engine ยังคงใช้ข้อมูลนี้เพื่อการจัดอับดับข้อมูลของเรา ในกรณีที่ข้อมูลในหน้านั้น ๆ มีมากเกินไป
- ใช้ Sitemap โดยการสร้าง Sitemap นั้นมีเครืองมือให้ใช้อยู่มากมาย และยิ่งใช้พวก CMS/Blogware ต่าง ๆ พวก Drupal, Wordpress, XOOP, Joomla/Mambo, PHP-nuke ฯลฯ ก็มี module/component/plug-in เข้ามาช่วยสร้าง Sitemap ให้แทบทั้งนั้น โดยประโยชน์ของ Sitemap นั้นช่วยให้ตัว Search Engine นั้นไม่ต้องวิ่งไต่ไปตามลิงส์ต่าง ๆ ของเว็บของเราเพื่อเข้าถึงข้อมูลทั้งหมด และยิ่งเว็บมีขนาดใหญ่และซับซ้อนมาก ๆ ยิ่งทำให้หน้าที่อยู่ในส่วนของรากลึก ๆ ต้นไม้ที่เป็นลำดับของลิงส์นั้นเข้าถึงยาก การมี Sitemap จึงช่วยในการบ่งบอกกับ Search Engine ได้ว่าเว็บของเรามีหลายอะไรอยู่บ้าง เพื่อให้ตัว Search Engine เข้ามา Index ข้อมูลได้รวดเร็วและสะดวกขึ้น
- ทำ URL Friendly หรือ Rewrite URL การทำ URL Friendly นั้นช่วยให้ Search Engine เข้าใจ URL ของเราและทำให้การเก็บ URL และแสดงผล URL เพื่อลิงส์กลับมาหน้าต่าง ๆ ของเว็บเรานั้นทำได้ง่ายมากขึ้น
เทคนิคการแต่งภาพ CHARACTERIZE ด้วย Photoshop
1.ลบริ้วรอยบนใบหน้าที่เป็นจุด ๆ ด้วยเครื่องมือ Spot Healing Brush ปรับขนาดของหัวแปรงให้ใหญ่กว่ารอยเล็กน้อย แล้วจิ้มลงไปเลย
2. ลบตัวหนังสือทิ้งด้วยเครื่องมือ Patch Tool โดยใช้เครื่องมือนี้ลากรอบตัวหนังสือที่เราต้องการลบ แล้วลากส่วนที่นี้ไปยังส่วนที่เป็นพื้นเรียบ ๆ โปรแกรมจะทำการก๊อบปี้ส่วนนั้นให้โดยมีการปรับให้ขอบให้เรียบเนียนกลมกลืนไป กับพื้นเดิมอีกด้วย ส่วนพื้นที่เล็ก ๆ บริเวณผม ต้องใช้เครื่องมือ Clone Stamp เข้าช่วย
3.เปิดภาพที่มีตัวอักษรที่เราต้องการขึ้นมาลบรอบ ๆ ตัวอักษรด้วยเครื่องมือ Patch Tool แล้วก๊อบปี้ตัวอักษรมาไว้ในเลเยอร์ใหม่
4.นำตัวอักษรมาเรียงกันให้เป็นคำที่ต้องการ เลือกเลเยอร์ตัวอักษรทั้งหมด แล้วลากไปวางไว้ที่ภาพที่เราต้องการทำ แล้วจัดการหมุนตัวอักษรให้ตรงกับภาพต้นฉบับ ใช้คำสั่ง Colour Balance และ Replace Colour ปรับสีพื้นของตัวอักษรใหญ่ให้ตรงกับของเดิม
5.ปรับโทนสีของภาพด้วยคำสั่ง Level แล้ว ใช้คำสั่ง Merge Visible (Shift+Ctrl+Alt+E) แล้วใช้คำสั่ง Filter>Brush Strokes>Angled Strokes เปลี่ยน Blending Mode ของเลเยอร์นี้ให้เป็น Soft Light
6.ก๊อบปี้เลเยอร์เมื่อกี้ขึ้นมาอีกเลเยอร์นึง เปลี่ยน Blending Mode ให้เป็น Multiply ภาพจะดูเข้มขึ้น ให้เพิ่ม เลยเยอร์มาสค์บังในส่วนที่ต้องการให้มีความสว่างเท่าเดิม ใช้คำสั่ง Merge Visible อีกครั้งหนึ่ง
แล้ว ใช้คำสั่ง Image>Adjustments>Desaturation ภาพจะกลายเป็นขาวดำ ใช้คำสั่ง Colour Balance กับเลเยอร์นี้ เพื่อให้ได้ภาพมีสีอมม่วง จากนั้นจึงเปลี่ยน Blending Mode ให้เป็น Muitiply ลด Opacity ลง ใช้ยางลบขอบฟุ้ง ลบส่วนที่ต้องการเน้น ซึ่งก็คือใบหน้าของตัวแบบและตัวอักษรข้างตัวแบบเป็นขั้นตอนสุดท้าย